รีวิวจอย DualSense Edge wireless controller

  • By
  • มกราคม 30, 2024
  • 10 Views

รีวิวจอย DualSense Edge wireless controller

รีวิวจอย DualSense Edge wireless controller

คอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense Edge™ สำหรับ PlayStation 5 (PS5) ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของคุณ ด้วยคุณสมบัติที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ช่วยให้ผู้เล่นสามารถปรับการควบคุมให้เหมาะสมกับสไตล์การเล่นของตนเอง

การปรับแต่งที่หลากหลาย

DualSense Edge™ มาพร้อมกับความสามารถในการปรับแต่งที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เล่นสามารถสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

ปุ่มด้านหลังที่ปรับแต่งได้

คอนโทรลเลอร์นี้มาพร้อมกับปุ่มด้านหลังที่สามารถปรับแต่งได้ ช่วยให้ผู้เล่นสามารถกำหนดคำสั่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย

การปรับความยาวทริกเกอร์

รีวิวจอย DualSense Edge wireless controllerBy KINZARมกราคม 30, 20241 Views

รีวิวจอย DualSense Edge wireless controller

ผู้เล่นสามารถปรับความยาวของทริกเกอร์ L2 และ R2 เพื่อให้เหมาะสมกับเกมที่เล่น ไม่ว่าจะเป็นการยิงปืนหรือการขับรถ

การเปลี่ยนหัวจอยสติ๊ก

DualSense Edge™ มาพร้อมกับหัวจอยสติ๊กที่สามารถเปลี่ยนได้สามแบบ ได้แก่ มาตรฐาน โดมต่ำ และโดมสูง เพื่อความสะดวกสบายและการควบคุมที่แม่นยำยิ่งขึ้น

การตั้งค่าโปรไฟล์ส่วนบุคคล

ผู้เล่นสามารถสร้างและบันทึกโปรไฟล์การควบคุมที่แตกต่างกันสำหรับเกมแต่ละเกม และสลับระหว่างโปรไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว

การออกแบบที่คำนึงถึงความสะดวกสบาย

DualSense Edge™ ยังคงรักษาความสะดวกสบายของคอนโทรลเลอร์ DualSense ดั้งเดิม แต่เพิ่มการยึดเกาะที่ดีขึ้นด้วยการออกแบบกันลื่นภายใน

ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ

คอนโทรลเลอร์นี้สามารถใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จ DualSense ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้การชาร์จเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย

สรุป

DualSense Edge™ เป็นคอนโทรลเลอร์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้เล่นที่ต้องการปรับแต่งการควบคุมและยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของตนเอง ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและการออกแบบที่คำนึงถึงความสะดวกสบาย ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ PS5

เปรียบเทียบ DualSense Edge™ Wireless Controller กับ DualSense Wireless Controller

คอนโทรลเลอร์สำหรับเครื่อง PlayStation 5 ถือเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงและเต็มไปด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัย โดยในปัจจุบัน Sony มีตัวเลือกคอนโทรลเลอร์ยอดนิยมอยู่ 2 รุ่น ได้แก่ DualSense Wireless Controller และ DualSense Edge™ Wireless Controller ซึ่งแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกันไป บทความนี้จะเปรียบเทียบทั้งสองรุ่นอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกใช้งานได้ง่ายขึ้น


1. การออกแบบภายนอก

  • DualSense Wireless Controller
    • ดีไซน์เรียบหรู โทนสีมาตรฐานขาวดำที่กลมกลืนกับเครื่อง PS5
    • ปุ่มควบคุมและจอยสติ๊กมีการออกแบบตามมาตรฐาน ใช้งานสะดวกสบาย
    • น้ำหนักเบา เน้นการใช้งานที่ง่ายต่อการจับถือ
  • DualSense Edge™ Wireless Controller
    • ดีไซน์ปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยรายละเอียดสุดพรีเมียม เช่น ปุ่มคอนโทลด้านหลังและพื้นที่กันลื่น
    • มีจุดเด่นในเรื่องของการปรับแต่งส่วนประกอบต่าง ๆ ได้ เช่น การเปลี่ยนหัวจอยสติ๊กหรือโมดูลสติ๊ก
    • มาพร้อมความทนทานและวัสดุที่แข็งแรงกว่า DualSense รุ่นปกติ

2. ความสามารถในการปรับแต่ง

  • DualSense Wireless Controller
    • ไม่สามารถปรับแต่งส่วนประกอบหรือปุ่มเพิ่มเติมได้
    • มีฟังก์ชันที่ติดตั้งมาพร้อมเครื่อง แต่ไม่รองรับการปรับแต่งฮาร์ดแวร์
  • DualSense Edge™ Wireless Controller
    • รองรับการปรับแต่งในระดับสูง ผู้ใช้สามารถตั้งค่าปุ่มควบคุมได้ตามความต้องการ
    • มาพร้อมปุ่มด้านหลัง (Back Button) ที่สามารถปรับแต่งฟังก์ชันได้
    • โมดูลจอยสติ๊กสามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้การบำรุงรักษาและการใช้งานในระยะยาวเป็นไปได้อย่างสะดวก
    • มีการปรับระยะทริกเกอร์ L2 และ R2 ได้ เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละประเภทเกม เช่น เกมยิง FPS หรือเกมแข่งรถ

3. คุณสมบัติพิเศษ

  • DualSense Wireless Controller
    • มีฟีเจอร์พื้นฐานที่น่าประทับใจ เช่น Haptic Feedback และ Adaptive Triggers ที่เพิ่มมิติของการเล่นเกม
    • ระบบไมโครโฟนในตัว ช่วยให้ผู้เล่นสื่อสารกับเพื่อนในเกมได้อย่างง่ายดาย
  • DualSense Edge™ Wireless Controller
    • เพิ่มฟีเจอร์ที่รองรับการปรับแต่งเพิ่มเติม เช่น การตั้งค่าปุ่มต่าง ๆ ผ่าน UI บน PS5
    • รองรับการสร้าง โปรไฟล์การควบคุม หลายรูปแบบ และสามารถสลับไปมาระหว่างโปรไฟล์ได้ทันที
    • มาพร้อมสาย USB แบบถักคุณภาพสูงและตัวล็อกสายป้องกันการหลุดในระหว่างการเล่น

4. การใช้งานและความสะดวกสบาย

  • DualSense Wireless Controller
    • ออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั่วไป เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการประสบการณ์เกมแบบมาตรฐาน
    • จับถนัดมือและน้ำหนักเบา เหมาะกับการเล่นเกมเป็นเวลานาน
  • DualSense Edge™ Wireless Controller
    • เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานด้วยการปรับแต่งส่วนประกอบและปุ่มต่าง ๆ
    • เหมาะสำหรับเกมเมอร์มืออาชีพหรือผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากคอนโทรลเลอร์

5. ความคุ้มค่าและราคา

  • DualSense Wireless Controller
    • ราคาย่อมเยา เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชันการใช้งานมาตรฐาน
  • DualSense Edge™ Wireless Controller
    • ราคาสูงกว่ารุ่นปกติเนื่องจากมาพร้อมความสามารถในการปรับแต่งและวัสดุที่มีคุณภาพสูงกว่า
    • เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการความยืดหยุ่นและปรับแต่งอุปกรณ์เพื่อให้เหมาะกับสไตล์การเล่นเฉพาะตัว

ตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ รีวิวจอย DualSense Edge wireless controller

หัวข้อ ข้อดี ข้อเสีย
การปรับแต่ง – ปรับแต่งปุ่มควบคุมได้หลากหลาย รวมถึงปุ่ม Back Buttons – การตั้งค่าปุ่มอาจซับซ้อนสำหรับผู้เล่นใหม่
โปรไฟล์การเล่น – สร้างและสลับโปรไฟล์ได้ทันทีตามเกมที่เล่น – การสลับโปรไฟล์ต้องใช้เวลาในการตั้งค่าเริ่มต้น
โมดูลจอยสติ๊ก – สามารถถอดเปลี่ยนโมดูลจอยสติ๊กได้ ช่วยลดปัญหา Stick Drift – เพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้ออะไหล่สำรอง
วัสดุและดีไซน์ – วัสดุระดับพรีเมียมและส่วนกันลื่น ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย – น้ำหนักมากกว่า DualSense รุ่นปกติ อาจทำให้รู้สึกเมื่อยล้ามือ
Haptic Feedback & Adaptive Triggers – เพิ่มมิติในการเล่นเกมด้วยแรงสั่นและแรงต้านที่สมจริง – ไม่ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในส่วนนี้เมื่อเทียบกับ DualSense รุ่นปกติ
หัวจอยสติ๊กที่เปลี่ยนได้ – รองรับ 3 รูปแบบ (มาตรฐาน, โดมต่ำ, โดมสูง) เพื่อความถนัดของผู้เล่น – ต้องซื้อหัวจอยเพิ่มในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนเพิ่มเติม
การเชื่อมต่อสาย USB – มาพร้อมสายถักที่มีคุณภาพสูงและตัวล็อกป้องกันสายหลุด – ตัวล็อกสายอาจไม่สะดวกสำหรับการพกพา
โปรไฟล์ผู้ใช้ – เหมาะสำหรับเกมเมอร์มืออาชีพที่ต้องการปรับแต่งเฉพาะตัว – ไม่จำเป็นสำหรับผู้เล่นทั่วไปที่ไม่ต้องการปรับแต่ง
ความเข้ากันได้กับ PS5 – ใช้งานร่วมกับ PS5 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ – ไม่สามารถใช้งานกับคอนโซลรุ่นอื่นหรือ PC ได้เต็มประสิทธิภาพ
แบตเตอรี่ – รองรับการเล่นไร้สายเช่นเดียวกับ DualSense – แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานต่อการชาร์จสั้นกว่ารุ่นปกติ
ราคา – ฟีเจอร์ที่ได้รับเหมาะสมกับเกมเมอร์ระดับโปร – ราคาสูงกว่าคอนโทรลเลอร์ทั่วไปและอาจไม่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีงบจำกัด

สรุปข้อดีและข้อเสียจากตารางเปรียบเทียบ รีวิวจอย DualSense Edge wireless controller

DualSense Edge™ Wireless Controller มีจุดเด่นในด้านการปรับแต่ง การออกแบบที่พรีเมียม และฟีเจอร์พิเศษที่ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่จริงจัง อย่างไรก็ตาม ข้อเสียที่สำคัญคืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ราคาที่สูง และความซับซ้อนในการตั้งค่าที่อาจไม่เหมาะกับผู้เล่นทั่วไป ผู้ที่เลือกซื้อควรพิจารณาความต้องการของตนเองเป็นหลักว่าฟีเจอร์ที่ได้รับเหมาะสมกับการเล่นเกมของตนหรือไม่! 🎮


สรุป: ควรเลือกคอนโทรลเลอร์รุ่นไหนดี?

  • DualSense Wireless Controller: เหมาะสำหรับผู้เล่นทั่วไปที่ต้องการคอนโทรลเลอร์ที่ใช้งานง่าย ราคาสมเหตุสมผล และมาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครันสำหรับการเล่นเกมทุกประเภท
  • DualSense Edge™ Wireless Controller: เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่งคอนโทรลเลอร์และมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมแบบแข่งขันหรือเน้นความสะดวกสบายในระยะยาว

การเลือกคอนโทรลเลอร์ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสนุกและประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้อย่างแน่นอน!

👉 อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Kinzar.com
👉 ติดตามข่าวสารเกม PS5 ได้ที่ Facebook Kinzar

The Good

  • รายละเอียด: DualSense Edge™ เป็นคอนโทรลเลอร์รุ่นแรกของ Sony ที่รองรับการปรับแต่งได้ทั้งปุ่มด้านหน้า ด้านหลัง และโมดูลจอยสติ๊ก
  • สามารถตั้งค่าปุ่มควบคุมตามความถนัดหรือประเภทของเกม เพิ่มปุ่ม Back Buttons ที่ช่วยให้เข้าถึงคำสั่งได้รวดเร็วขึ้น รองรับการเปลี่ยนโมดูลจอยสติ๊กเพื่อยืดอายุการใช้งานและแก้ไขปัญหาสติ๊กดริฟท์ (Stick Drift)
  • สร้างโปรไฟล์การเล่นเฉพาะตัว ผู้เล่นสามารถสร้างและบันทึกโปรไฟล์การควบคุมที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละเกมหรือสถานการณ์ เปลี่ยนโปรไฟล์ได้ทันทีระหว่างเกมโดยใช้ปุ่ม Function
  • การปรับแต่งทริกเกอร์และความไวของจอยสติ๊ก ผู้เล่นสามารถปรับระยะการกดของทริกเกอร์ L2 และ R2 และปรับความไวของจอยสติ๊กได้ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยิงปืนในเกม FPS ลดระยะการกดทริกเกอร์สำหรับเกมแข่งรถหรือเกมแอ็คชัน เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการการควบคุมในระดับละเอียด
  • คุณสมบัติ Haptic Feedback และ Adaptive Triggers เพิ่มมิติของการเล่นเกมด้วยแรงสั่นและแรงต้านที่สมจริง ช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนอยู่ในเกมจริงๆ เช่น การดึงสายธนูหรือการขับรถบนพื้นผิวที่แตกต่างกัน
  • วัสดุพรีเมียมและการออกแบบที่ทันสมัย DualSense Edge™ ใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงและเพิ่มส่วนที่กันลื่นเพื่อความสะดวกในการจับถือ ให้ความรู้สึกพรีเมียมในมือ เพิ่มความทนทานสำหรับการเล่นเกมในระยะยาว เหมาะกับเกมเมอร์ที่เล่นเกมเป็นเวลานาน
  • สาย USB ถักคุณภาพสูง คอนโทรลเลอร์มาพร้อมสาย USB ถักที่มีตัวล็อกป้องกันการหลุด ลดความกังวลเรื่องสายหลุดในระหว่างการเล่นเกมที่ดุเดือด ทนทานต่อการใช้งานหนักและช่วยเพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อ
  • การเปลี่ยนหัวจอยสติ๊ก DualSense Edge™ มีหัวจอยสติ๊กที่สามารถเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ มาตรฐาน โดมต่ำ และโดมสูง รองรับความถนัดของผู้เล่นที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความสบายในระหว่างการเล่นเกม

The Bad

  • แบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานสั้น แบตเตอรี่ของ DualSense Edge™ มีความจุน้อยกว่า DualSense รุ่นปกติ ส่งผลให้อายุการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งสั้นลง
  • ราคาสูง DualSense Edge™ มีราคาสูงกว่าคอนโทรลเลอร์ DualSense รุ่นปกติถึงสองเท่า (เปิดตัวที่ $199.99 หรือประมาณ 6,800 บาท)
  • แม้จะมาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ แต่ราคาที่สูงทำให้ไม่เหมาะสำหรับผู้เล่นทั่วไปที่มองหาคอนโทรลเลอร์พื้นฐาน
  • น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ด้วยการออกแบบที่พรีเมียมและการเพิ่มชิ้นส่วนปรับแต่ง เช่น ปุ่มด้านหลัง และวัสดุที่แข็งแรงกว่า ทำให้ DualSense Edge™ มีน้ำหนักมากกว่ารุ่นปกติ อาจทำให้ผู้เล่นที่ใช้เวลานานรู้สึกเมื่อยล้ามือได้ง่ายขึ้น
  • ความซับซ้อนในการตั้งค่า การปรับแต่งปุ่มและโปรไฟล์ใน DualSense Edge™ อาจซับซ้อนสำหรับผู้เล่นใหม่ หรือผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการตั้งค่าขั้นสูง อาจใช้เวลาในการเรียนรู้การใช้งานมากกว่าคอนโทรลเลอร์รุ่นปกติ
IGN
8
Tom's Guide
9
PCMag
9
GamesRadar+
9
8.8
คะแนนรวม